เคล็ดลับเพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่สำรองไฟ
การดูแลแบตเตอรี่สำรองไฟให้ใช้งานได้ยาวนาน
แบตเตอรี่สำรองไฟถือเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในกรณีที่เกิดไฟดับหรือระบบไฟฟ้าขัดข้อง การดูแลรักษาแบตเตอรี่สำรองไฟให้ใช้งานได้ยาวนานและมีประสิทธิภาพสูงสุดจึงเป็นสิ่งที่ผู้ใช้ควรให้ความสำคัญและใส่ใจเป็นพิเศษ การบำรุงรักษาที่เหมาะสมไม่เพียงช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้อีกด้วย
การบำรุงรักษา
- การชาร์จแบตเตอรี่: เราควรชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มทุกครั้งและหลีกเลี่ยงการชาร์จเกินความจำเป็น โดยต้อง ตรวจสอบค่ากำลังไฟ (หน่วยวัดเป็น V) และค่า Initial Current (ที่มีหน่วยวัดเป็น A) ที่เหมาะสม ซึ่งค่า ต่างๆเราสามารถตรวจสอบได้ที่หน้าแบตฯหรือใน Specsheet ได้ง่าย เช่น Leoch LP12-12 จะต้องใช้ค่า กำลังไฟ 12V และค่า Initial Current ที่ 3.6 A การชาร์จที่ถูกต้องจะช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของ แบตเตอรี่ และควรใช้ที่ชาร์จที่มีคุณภาพเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดจากการชาร์จที่ไม่เหมาะสม
- ไม่ได้ใช้งานก็ต้องชาร์จแบตเตอรี่เสมอ อย่างน้อยทุก ๆ 15 วัน: จริงอยู่ที่ในข้อที่หนึ่งนั้นเราได้กล่าวไป ว่าการชาร์จแบตเตอรี่บ่อย ๆ นั้นส่งผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ทำให้มันมีอายุการใช้งานที่น้อยลง จากที่คาดการณ์เอาไว้ แต่ใช่ว่าการที่คุณไม่ได้ใช้งานรถสามล้อไฟฟ้าเลยจะไม่ต้องคอยชาร์จแบตเตอรี่นะ เพราะการที่แบตเตอรี่ไม่มีการใช้งานเลยก็เสี่ยงทำให้แบตเตอรี่เสื่อมได้ ทางที่ดีเราขอแนะนำให้คุณชาร์จไฟ อย่างน้อยทุก ๆ 15 วัน เพื่อเป็นการถนอมอายุการใช้งานของแบตเตอรี่จะดีที่สุด
- การทำความสะอาด: ทำความสะอาดขั้วต่อของแบตเตอรี่เป็นประจำ ใช้ผ้าสะอาดและแห้งเช็ดทำความสะอาด เพื่อป้องกันการเกิดคราบหรือสิ่งสกปรกที่อาจส่งผลต่อการทำงาน ทั้งนี้ควรปิดเครื่องและถอดแบตเตอรี่ ออกจากอุปกรณ์ก่อนทำความสะอาดทุกครั้ง
- การตรวจสอบ: ตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่เป็นประจำ โดยเฉพาะการตรวจสอบระดับน้ำกรดในแบตเตอรี่ (สำหรับแบตเตอรี่แบบเติมน้ำ) และตรวจสอบว่ามีความร้อนหรือการบวมผิดปกติหรือไม่ การตรวจสอบ อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้สามารถรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ทันเวลา

พื้นที่ใช้งาน
- อุณหภูมิ: ควรเก็บแบตเตอรี่ในที่ที่มีอุณหภูมิไม่สูงเกินไปและไม่ต่ำเกินไป อุณหภูมิที่เหมาะสมจะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ อุณหภูมิที่สูงหรือต่ำเกินไปอาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วขึ้น การเก็บแบตเตอรี่ในที่เย็นและแห้งจะช่วยรักษาคุณภาพของแบตเตอรี่ได้ดีที่สุด แนะนำที่ 25° องศา บวกลบไม่เกิน 3° องศา
- ความชื้น: หลีกเลี่ยงการเก็บแบตเตอรี่ในที่ที่มีความชื้นสูง เนื่องจากอาจทำให้เกิดการกัดกร่อนและการเสื่อมสภาพได้ ความชื้นที่สูงอาจทำให้เกิดการลัดวงจรและสร้างความเสียหายต่อแบตเตอรี่และอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ
ข้อสังเกตเมื่อแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ
- การเก็บไฟไม่อยู่: หากแบตเตอรี่ไม่สามารถเก็บประจุไฟฟ้าได้เท่าเดิมหรือหมดพลังงานเร็วขึ้น อาจเป็นสัญญาณของการเสื่อมสภาพ ควรสังเกตการใช้งานว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรและหาทางแก้ไขหรือเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่หากจำเป็น
- การบวมของแบตเตอรี่: หากพบว่าแบตเตอรี่มีลักษณะบวมผิดปกติ ควรหยุดใช้งานทันทีและนำไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ การใช้งานแบตเตอรี่ที่บวมอาจทำให้เกิดอันตรายได้
- กลิ่นหรือเสียงผิดปกติ: หากมีเสียงหรือกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์เมื่อใช้งาน อาจเป็นสัญญาณของปัญหาที่ต้องระวัง ควรหยุดใช้งานทันทีและตรวจสอบหาสาเหตุ เพื่อป้องกันการเกิดอันตรายที่อาจเกิดขึ้น

ข้อควรระวัง
- ไม่ควรใช้งานแบตเตอรี่ให้หมดหรือเหลือ 0%: สำหรับเรื่องนี้เป็นอะไรที่สำคัญอย่างมาก อย่าลืมว่าทุกครั้งที่แบตเตอรี่ลดน้อยลงนั้นคุณจะต้องทำการชาร์จไฟเพื่อให้แบตเตอรี่กลับมาเต็มดังเดิม ยิ่งแบตเตอรี่ลดน้อยลงเท่าไหร่ ระยะเวลาที่ใช้ในการชาร์จก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น นั่นจึงทำให้แบตเตอรี่เกิดความร้อนได้ง่ายเนื่องจากใช้เวลาในการชาร์จบ่อย และในการชาร์จแต่ละครั้งเองตัวแบตเตอรี่ต้องเผชิญกับความร้อนที่เพิ่มมากขึ้น แนะนำให้คุณชาร์จแบตเตอรี่ก่อนที่ปริมาณแบตเตอรี่จะเหลือ 20%-30% จะได้เป็นการถนอมอายุการใช้งานของแบตเตอรี่นั่นเอง
- การระบายอากาศ: อย่าวางแบตเตอรี่ในที่ที่อากาศไม่ถ่ายเท เพราะอาจทำให้เกิดความร้อนได้ง่าย การระบายอากาศที่ดีจะช่วยลดความร้อนสะสมในแบตเตอรี่และป้องกันการเสื่อมสภาพ
- การป้องกันการกระแทก: ระมัดระวังไม่ให้แบตเตอรี่ตกหรือกระแทกอย่างแรง เพราะอาจทำให้เกิดความเสียหายได้ ควรใส่แบตเตอรี่ในเคสหรือกระเป๋าที่มีการป้องกันการกระแทกเมื่อเคลื่อนย้าย
- การเก็บรักษา: หากไม่ใช้งานแบตเตอรี่นานๆ ควรถอดออกจากอุปกรณ์และเก็บในที่ที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพ การเก็บรักษาในที่แห้งและเย็นจะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่
การดูแลแบตเตอรี่สำรองไฟอย่างถูกวิธีไม่เพียงช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์เท่านั้น แต่ยังช่วยให้ระบบ
ไฟฟ้าทำงานได้อย่างมีเสถียรภาพและปลอดภัยมากขึ้น การตรวจเช็กและบำรุงรักษาเป็นประจำจึงถือเป็นเรื่อง
สำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะการใส่ใจเพียงเล็กน้อยสามารถช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้
เมื่อเราเข้าใจวิธีการดูแลที่ถูกต้องและเลือกใช้แบตเตอรี่ที่มีคุณภาพ เหมาะสมกับลักษณะการใช้งาน ก็จะช่วยให้
มั่นใจได้ว่าในทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์ไฟดับหรือระบบขัดข้อง แบตเตอรี่สำรองไฟของเราจะพร้อมทำหน้าที่ได้
อย่างเต็มประสิทธิภาพ — ทั้งเพื่อความปลอดภัย ความต่อเนื่องในการทำงาน และความอุ่นใจในทุกสถานการณ์
หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลือกแบตเตอรี่สำรองไฟหรือเครื่องสำรองไฟที่เหมาะกับแต่ละประเภท
งาน สามารถติดตามบทความดีๆ จากเราได้ในตอนต่อไป เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าพลังงานสำรองของคุณจะพร้อม
ใช้งานทุกเมื่อที่จำเป็น